มีหลักเกณฑ์ในการตัดสินดังนี้
1.มีการวางแผนเตรียมการมาก่อน
2.มีลักษณะอุกอาจ โหดร้ายทารุณ
3.ผลที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือ เกิดความเสียหายแก่สังคมโดยรวม
4.กระทำโดยขาดความเห็นอกเห็นใจเหยื่อโดยเฉพาะสาวทอมซึ่งไม่มีญาติในพื้นที่ และยังไม่ทราบที่อยู่แน่นอนมีอาการเครียดจัดทางเจ้าหน้าที่ต้องจัดเวรยาม เฝ้าดูตลอดคืน เนื่องจากเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในห้องขัง
5.เคยมีประวัติการกระทำผิดในทำนองเดียวกันมาก่อน ไม่ว่าจะถูกจับกุมหรือไม่นอกจากนี้เมื่อสุขภาพร่างกาย แข็งแรงสมบูรณ์ และขณะกระทำความผิดมีระดับสติปัญญาไม่บกพร่อง คือ ไม่ต่ำกว่า 70 เมื่อทดสอบโดยใช้แบบทดสอบเชาวน์ปัญญา รวมทั้งพิจารณาภาวะแห่งจิต และนิสัย โดยการตรวจสภาพจิตโดยจิตแพทย์ และผลการทดสอบทางจิตวิทยา พบว่าไม่มีอาการของโรคจิต (วิกลจริต) หรือ พยาธิสภาพทางสมอง แต่มีแนวโน้มว่าอาจมีปัญหาบุคลิกภาพในอนาคต เช่น ต่อต้านสังคม หรือมีความเป็นผู้ร้ายโดยสันดาน
ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวพิจารณาคดีมาตรา 97วรรคสองที่ระบุว่าคดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลเยาวชน หากทางศาลเยาวชนและครอบครัวพิจารณา ว่าร่างกาย สติปัญญา สุขภาพภาวะแห่งจิตและนิสัย เห็นว่าขณะทำความผิดบุคคลที่มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีบริบูรณ์ขึ้นไป ก็ให้มีอำนาจสั่งให้โอนคดีไปพิจารณาในศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้
ต่อมานายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ได้รับตัวผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว แต่ทางสถานพินิจฯ ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วจะส่งต่อไปยังสถานพินิจ จ.ตรัง หรือ ศูนย์ฝึกอบรมเยาวชนชาย จ.สงขลา ตามกฎหมายแล้วผู้ต้องหาต่ำกว่า 18 ปียังถือว่าเป็นเยาวชนต้องส่งตัวให้กรมพินิจฯ ภายใน 24 ชม.
และเบื้องต้นให้นักจิตวิทยาประเมินผลสภาพจิตใจเพื่อให้ศาลเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องอยู่ในการดูแลแบบผู้ใหญ่หรือเด็ก